การผ่าตัดเสริมหน้าอก( Breast Augmentation )
การศัลยกรรมเสริมหน้าอกเป็นวิธีการผ่าตัดที่ช่วยเพิ่มขนาดทรวงอกทำให้มีหน้าอกที่อวบอิ่มสวยงามช่วยเพิ่มความมั่นใจและช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดีขึ้นได้ การเสริมหน้าอกเหมาะกับคนที่มีเต้านมขนาดเล็กตามพันธุกรรมหรือการสูญเสียปริมาตรเนื้อนม หลังจากการให้นมบุตรและหรือภายหลังการลดน้ำหนัก เนื่องจากหลังการตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื้อเต้านมจะลดลงและในบางรายอาจมีเนื้อเต้านมหย่อนคล้อย ที่ฟีร์บิวตี้คลินิกภูเก็ต เราใช้ซิลิโคนเสริมเต้านมที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ซึ่งมั่นใจในความปลอดภัยได้ ซิลิโคนเสริมเต้านมจะแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง ประเภทผิวสัมผัสของซิลิโคน ซึ่งศัลยแพทย์ตกแต่งจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับจุดเด่นจุดด้อยรวมถึงการวัดขนาดของซิลิโคนตามความเหมาะสมและความต้องการของแต่และท่านเพื่อการเสริมเต้านมที่ประสบความสำเร็จและให้ได้ผลดีที่สุด ฟีร์บิวตี้คลินิกภูเก็ตมีซิลิโคน 2 แบบ คือทรงกลมและทรงหยดน้ำ ศัลยแพทย์ตกแต่งของเราจะให้คำปรึกษาอธิบายให้คุณเลือกรูปร่างและขนาดซิลิโคนให้เหมาะกับระยะหน้าอกและรูปร่างของคุณ
รูปทรงของซิลิโคนเสริมหน้าอก
- ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลม (Round Implant)
- ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ (Tear Drop implant)
ทรงกลมมีลักษณะกลมคล้ายรูปโดมจุดพุ่งของทรงกลมจะอยู่บริเวณจุดกึ่งกลางของซิลิโคน เมื่อเสริมจะช่วยเติมช่วงเนินและฐานหน้าอกไปพร้อมๆกัน เนื่องจากมีลักษณะกลมจึงไม่ต้องห่วงเรื่องการหมุนของซิลิโคน ไม่เสียทรงง่าย ซึ่งซิลิโคนทรงกลมเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเน้นเรื่องเนินอกให้ดูมีเนินอกที่โดดเด่นสวยงาม
ซิลิโคนทรงหยดน้ำมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Anatomical Implant เนื่องจากมีรูปร่าง คล้ายกับรูปร่างของเต้านมผู้หญิงที่เป็นธรรมชาติเหตุผลที่เรียกว่าหยดน้ำเพราะเมื่อมองจากด้านข้างคล้ายกับหยดน้ำด้านบนจะมีปริมาตรทีน้อยกว่าและค่อยๆเริ่มมีปริมาตรมากขึ้นในส่วน ด้านล่างของซิลิโคน ในกรณีคนที่มีเนื้อหน้าอกน้อยและผอมมาก เมื่อใช้ทรงหยดน้ำ สามารถให้ผลลัพธ์ที่สวยงามมากขึ้นและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นและซิลิโคนทรงหยดน้ำนี้มีข้อดีมาก กรณีที่คุณมีหน้าอกที่หย่อนคล้อยไม่มากที่ไม่ต้องผ่าตัดยกกระชับ เนื่องจากจุดศูนย์กลางของซิลิโคนทรงหยดน้ำจะอยู่บริเวณด้านล่างทำให้ช่วยดันเต้านมที่หย่อนคล้อยเล็กน้อยให้พุ่ง ออกมามีรูปทรงที่สวยได้
ภาพแสดงลักษณะของเต้านม เมื่อใส่ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลมเทียบกับทรงหยดน้ำ
เมื่อคุณมองจากทางด้านข้างขณะที่คุณยืน หลังจากใส่ซิลิโคนเสริมหน้าอกเข้าไปแล้ว โดยซิลิโคนเจลทรงกลม
เมื่อมองด้านข้างจะเห็นเนินอกด้านบนที่นูนกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับซิลิโคนเจลทรงหยดน้ำที่จะมีจุดพุ่งด้านล่าง ซึ่งทรงหยดน้ำจะดูเป็นธรรมชาติเหมือนกับทรงนมธรรมชาติของผู้หญิง
ผิวสัมผัสของซิลิโคนเสริมหน้าอก
1. ประเภทผิวเรียบ (Smooth Surface)
เนื้อผิวของซิลิโคนประเภทนี้จะเรียบและมีความนุ่ม ผิวเรียบมีให้เลือกเฉพาะซิลิโคนทรงกลมเท่านั้น ในช่วง 6 เดือนแรกหลังการผ่าตัดเสริมเต้านมคุณจำเป็นต้องมีการนวดเพื่อยืดเนื้อเยื่อ และการนวดเพื่อลดการเกิดพังผืดหดรัด เพื่อให้ดูมีความธรรมชาตินอกจากนี้พื้นผิวเรียบมี ข้อดีในเรื่องของความยาวของแผลผ่าตัดจะสั้นกว่า เนื่องจากความเรียบลื่นจะทำให้ใส่ซิลิโคน ได้ง่าย อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการแผลผ่าตัดที่มีขนาดเล็กกว่า พักฟื้นสั้น และความเจ็บปวด น้อยลง คุณสามารถใช้วิธีการเสริมหน้าอกแบบส่องกล้องซึ่งจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่า
2. ประเภทผิวทราย (Texture Surface)
เนื้อผิวของซิลิโคนประเภทนี้จะมีความขรุขระ ไม่เรียบ ผิวสัมผัสหยาบคล้ายเม็ดทรายแต่ผิวทรายมีคุณสมบัติที่ดีคือ สามารถยึดติดกับเนื้อเยื่อเต้านมได้ดีขึ้น ช่วยลดอัตราการหย่อนคล้อยของเต้านมได้มากขึ้น สามารถลดการเกิดพังผืดหดรัดได้ดีการเสริมด้วย
ซิลิโคนผิวทราย หลังจากการผ่าตัดเต้านม หากหน้าอกคุณมีความสวยงามดูเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องนวดก็ได้จึงเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการนวดหลังผ่าตัด
และไม่ค่อยมีเวลาดูแลหลังผ่าตัด
ผิวสัมผัสของซิลิโคนเสริมหน้าอก
ตำแหน่งแผลผ่าตัดมีด้วยกัน 3 แบบ แต่ละแบบมีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันซึ่ง
ศัลยแพทย์ตกแต่งจะให้คำปรึกษาและแนะนำในการเลือกตำแหน่งแผลผ่าตัดที่เหมาะสมกับตัวคุณ
1. ตำแหน่งแผลใต้ราวนม (under breast incision, inframammary incision)
แผลจะอยู่ในส่วนล่างของเต้านม ตำแหน่งแผลบริเวณนี้ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถควบคุมตำแหน่งซิลิโคนได้ดีที่สุด สามารถใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่ได้ ความยาวของแผลจะขึ้นอยู่กับขนาดของซิลิโคน หากต้องการซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นแผลก็จะยาวขึ้น
แผลนี้เหมาะสำหรับการเสริมหน้าอกแบบปกติและการเสริมหน้าอกพร้อมกับการผ่าตัด
ยกกระชับเต้านม
2. แผลใต้รักแร้(armpit incision, transaxillary incision)
การเปิดแผลที่ตำแหน่งรักแร้มีข้อดีอย่างเห็นได้ชัดว่ารอยแผลถูกซ่อนไว้ในบริเวณ
รักแร้และมักจะมองไม่เห็น เมื่อผ่านไป 1 ปีแผลจะเห็นเป็นเส้นเล็กๆ หรือมักมองไม่เห็นการควบคุมตำแหน่งสำหรับวางซิลิโคนจะยากกว่าแบบใต้ราวนม ดังนั้นเพื่อการปรับ
รูปทรงและการผ่าตัดที่ดีศัลยแพทย์ตกแต่งจะใช้กล้องช่วยในการผ่าตัดเพื่อให้ผลงานการผ่าตัดมีประสิทธิภาพที่ดีและควบคุมการผ่าตัดได้ทั้งหมด
3. แผลรอบปานนม (around nipple incision, periareolar incision)
การเปิดแผลที่ตำแหน่งนี้แผลจะอยู่บริเวณรอบๆของปานนมเป็นแผลที่ดีหายดีที่สุดแทบมองไม่เห็นเลยเนื่องจากแผลจะซ่อนตามขอบปานนมอย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดจำกัด
ของรัศมีปานนม จึงไม่เหมาะที่จะใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่เกินไปและมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียความรู้สึกของเส้นประสาทบริเวณหัวนมได้และในผู้หญิงบางคนอาจมีความ
เสี่ยงในการให้นมบุตรยากได้
การผ่าตัดเสริมหน้าอก
สามารถจัดรูปแบบการวางได้ 2 แบบ คือ
- การผ่าตัดเสริมหน้าอกโดยวางซิลิโคนไว้เหนือกล้ามเนื้อ ( Over the muscle )
- เจ็บน้อยกว่า
- ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน
- เหมาะกับคนที่มีเนื้อเต้านมเพียงพอ
- การผ่าตัดเสริมหน้าอกโดยการวางซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อ(Under the muscle)
ในรายที่มีผิวหนังบาง เมื่อใส่แล้วอาจทำให้เห็นขอบซิลิโคนชัด หรืออาจคลำขอบของซิลิโคนได้ง่ายกว่า และโอกาสเกิดพังผืดหดรัดจะมากกว่า ถ้าดูแลไม่ ดีหรือนวดไม่ดี
โอกาสเกิดพังผืดหดรัดน้อยกว่าและมองไม่เห็นขอบซิลิโคนหรือคลำไม่พบขอบของซิลิโคน
เจ็บมากกว่าการวางซิลิโคนไว้เหนือกล้ามเนื้อ
การผ่าตัดเสริมหน้าอก
มีวิธีการเปิดแผล(incision line) สามารถทำได้ 3 แบบคือ
- เปิดแผลบริเวณใต้ราวนม (underbreast incision)
ข้อดี ของการเปิดแผลบริเวณนี้คือ แผลจะหายเร็ว เจ็บน้อยกว่า แต่มีข้อเสียคือจะเห็นแผลบริเวณใต้ราวนม แต่สำหรับรายที่ไม่กังวลเรื่องแผลเป็นบริเวณหน้าอก วิธีการ เปิดแผลแบบนี้ก็เหมาะสม
- เปิดแผลบริเวณรักแร้ (axilla incision)
ข้อดีของการเปิดแผลบริเวณนี้คือ มองไม่ค่อยเห็นแผลเป็น เนื่องจากจะซ่อนในขอบของรักแร้
- เปิดแผลบริเวณปานนม (periareola incision)
วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีขนาดหัวนมใหญ่พอ หรือคนที่มีผิวหนังยืดหยุ่นได้ดีและหนา มีข้อเสียคือจะเห็นแผลเป็นค่อนข้างชัด และมีโอกาสเกิดพังผืดหดรัดได้มากกว่า
การเสริมหน้าอก โดยการส่องกล้อง
ฟีร์บิวตี้ คลินิก ภูเก็ต นำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาให้บริการใน การเสริมหน้าอกโดยการส่องกล้อง ( Endoscopic assisted breast augmentation ) ซึ่งใช้กล้องช่วยในการผ่าตัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นในการผ่าตัด
ข้อดีของการผ่าตัดแบบส่องกล้อง
- เจ็บน้อยกว่าวิธีปกติ เนื่องจากการส่องกล้อง ทำให้เห็นเนื้อเยื่อ เส้นเลือดต่างๆได้ชัดเจนมากขึ้น ทำให้ควบคุมการผ่าตัดทำได้ดี รบกวนเนื้อเยื่อน้อย
- บวมช้ำน้อย พักฟื้นสั้นกว่า
- แผลเล็กกว่า
- โอกาสเกิดพังผืดหดรัดน้อยกว่า
- ควบคุมทรงได้ดีกว่า